Amazing Thailand

ติดตามข่าวสาร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ที่นี่

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

งานวันเกษตรปราจีนบุรี ครั้งที่ 46

วันที่ 28 พฤษภาคม - 6 มิถุนายน 2553
สถานที่ บริเวณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี



ชิมผลไม้ขึ้นชื่อ ... ทุเรียน – กระท้อน – มังคุด – ขนุน เลือกซื้อพรรณไม้และสินค้าชุมชนนานาชนิด

เมืองปราจีนบุรี เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ ประชาชนจึงประกอบอาชีพทางการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะทำสวนผัก - สวนผลไม้ - เพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ เช่น ทุเรียน มังคุด กระท้อน เงาะ ไผ่ตง ต้นโมก ผลผลิตมีคุณภาพ มีความหลากหลาย ราคาย่อมเยา ปราจีนบุรีจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวนให้ชมทั้งสวนผลไม้ สวนไม้ดอกไม้ประดับ สวนสมุนไพร หากใครสนใจพรรณไม้แบบใดสามารถเลือกสรรเป็นของฝากจะแวะชม - ชิม – ซื้อ สินค้าที่เลือกรับรองมีคุณภาพจากชาวสวนปราจีนโดยตรง


นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน จังหวัดปราจีนบุรีมีผลิตผลทางการเกษตรจำนวนมาก ทั้งผลไม้และพืชผัก เช่น ทุเรียน มังคุด กระท้อน ขนุน ส้มโอ หน่อไม้ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ของชุมชน เพื่อประชาสัมพันธ์์ผลิตผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพของจังหวัดปราจีนบุรี เผยแพร่ความรู้และจัดแสดงผลงานความก้าวหน้าทางวิชาการของภาคราชการและภาคเอกชนแก่เกษตรกร และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จังหวัดปราจีนบุรี ร่วมกับชาวสวน
จังหวัดปราจีนบุรี จัดงานวันเกษตรปราจีนบุรี ครั้งที่ 46 ในวันที่ 28 พฤษภาคม – 6 มิถุนายน 2553 ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี กิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ

- เลือกซื้อผลไม้ พันธุ์ไม้ ผลิตผลและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร
- เลือกซื้อสินค้าชุมชน “หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์” และสินค้าทั่วไป
- ชมนิทรรศการด้านการเกษตรและอื่น ๆ
- ชมการแสดงมหรสพตลอดงาน
- ชมการประกวดผลไม้คุณภาพ (ทุเรียน กระท้อน ส้มโอ มังคุด ขนุน) และหน่อไม้ไผ่ตง

นางอธิชา โรจนสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานนครนายก กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี นับว่าเป็นเมืองแห่งเกษตรกรรมแหล่งสำคัญของประเทศไทย เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพรรณไม้จากผืนป่าธรรมชาติ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ มรดกโลก” โดยใช้เส้นทางผ่านจังหวัดนครนายกและขึ้นเขาใหญ่ทางฝั่งปราจีนบุรี เลือกเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ – ย้อนอดีตเที่ยวเมืองซ้อนเมือง แหล่งโบราณคดีสมัยทวาราวดี “เมืองศรีมโหสถ” สัมผัสและเรียนรู้วิวัฒนา
การทางประวัติศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออก “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี” ชมตึกเก่าเรื่องแห่งบุคคลสำคัญผู้สร้างตึกที่ชนรุ่นหลังต้องมาเรียน รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องแพทย์แผนไทย “ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร” ศูนย์รวมตะเกียงโบราณนับหมื่น พร้อมฟังเรื่องเก่าของคนเมืองปราจีน “พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์” ก่อนจะเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่มรดกโลก - อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ การเดินทาง “เที่ยวเขาใหญ่ ไปปราจีนบุรี” จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเดินทางที่สะดวกพร้อมเก็บเกี่ยวแหล่งท่องเที่ยวรายทางที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสรรเพิ่มรสชาติให้กับวันว่างได้เป็นอย่างดี

หรือจะท่องเที่ยวเชิงเกษตรเที่ยวสวนผลไม้เมืองปราจีนบุรี ในพื้นที่มีกลุ่มชาวสวนผลไม้ “ไม้เค็ดโฮมสเตย์”, เลือกซื้อไม้ดอกไม้ประดับเฉลิมพระเกียรติฯ , และเที่ยวชมสวนผลไม้ “บ้านหนองจวง-หนองกันเกรา” ที่เขาพร้อมใจเปิดบ้านให้เที่ยวชมสวนสัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้นานาชนิด


“เขาค้อ บัตรเดียว เที่ยวมันส์” Khao Kho Eco - Venture Card”


วันที่ : เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
สถานที่ : อ.เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

*****************

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก ขอเชิญผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยสัมผัสความมันส์ 5 สไตล์ ใกล้ชิดธรรมชาติ ที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ กับ “เขาค้อบัตรเดียว เที่ยวมันส์” Khao Kho Eco - Venture Card

การจัดกิจกรรม เขาค้อบัตรเดียว เที่ยวมันส์ หรือ Khao Kho Eco-Venture Card เป็นความร่วมมือกับผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวแนวผจญภัย อ.เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมออกบัตร Khao Kho Eco-Venture Card บัตรเพียงใบเดียวที่นักท่องเที่ยวสัมผัสความมันส์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ถึง 5 สไตล์ ในรูปแบบของการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ใกล้ชิดธรรมชาติ สำหรับบัตรนี้สามารถใช้ได้ช่วงมีนาคม – พฤษภาคม เป็นการต้อนรับซัมเมอร์ปิดเทอมอีกทั้งยังสามารถเห็นแมงกะพรุนน้ำจืดได้ในช่วงนี้ สำหรับกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถร่วมสนุก ได้แก่ กิจกรรม
1. “เหินเวหาข้ามน้ำ High Flying” และ “รถฟอร์มูล่าม้ง Mountain Speed Luge” ณ ภูแก้ว แอดเวนเจอร์ ปาร์ค
2. ซิ่งกันให้มันส์...สะใจ ด้วยรถเอทีวี 4 ล้อ “สิงห์ทะเลทราย All Terrain Vehicle” กับเส้นทางขับขี่ท้าทายสไตล์วิบาก ทดสอบความสามารถกับลูกระนาดหรือเหินเนินสูงชัน ณ สนามชบา เอทีวี คลับ
3. เปิดสมรภูมิรบกลางหุบเขา เร้าใจไปกับเกมการต่อสู้ทางยุทธวิธีด้วย ปีน BB Gun ชิงไหว ชิงพริบ ทดสอบความว่องไว ความแม่นยำ และทีมเวิร์ค ด้วยอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ณ สนาม BB Gun วัลเล่ย์
4. ท่องไพร่กว้าง สบาย ๆ แต่ท้ายทายความสามารถ กับการ ขี่รถ ATV ท่องธรรมชาติ “ATV Touring” ลัดเลาะไปตามสันเขา ลุยร่องน้ำ ข้ามลำธาร ผ่านท้องทุ่ง มุ่งสู่จุดชมวิวบนยอดเขา กับทีมงาน เขาค้อ เอทีวี คลับ
5. ปิดท้ายด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ “พายเรือเที่ยวป่า ตามหาแมงกะพรุนน้ำจืด” เพลินเพลินกับการล่องเรืออีโปง ไปตามลำน้ำเข็กที่ใสเย็น ชมธรรมชาติตลอดสองฟากฝั่ง ชมผีเสื้อที่หาดูยากหลายชนิด ตื่นเต้นกับการชม “แมงกะพรุนน้ำจืด” ซึ่งพบเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ณ แก่งบางระจัน โดยชุมชนคนรักษ์ป่าหนองแม่นา

วันเดียวเที่ยวฟรี “เส้นทางเที่ยวสวน...ชวนกินลิ้นจี่...ที่เชียงราย”

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2553

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ขอเชิญนักท่องเที่ยวและผู้รักการเดินทางท่องเที่ยวทุกท่าน ร่วมสมัครเดินทางท่องเที่ยวไปกับททท.ในเส้นทาง “เที่ยวสวน...ชวนกินลิ้นจี่...ที่เชียงราย” โดยกำหนดเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบวันเดียวเที่ยวฟรีไปและกลับในวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 07.30 – 19.00 น.

นางอัจฉริกา มณีสิน ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานเชียงราย กล่าวว่า ททท.สำนักงานเชียงราย จะมีกำหนดจัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบการเรียนรู้และมีส่วนร่วมกับกิจกรรมท่องเที่ยวในโครงการ “ททท.พาเที่ยวสวน...ชวนกินลิ้นจี่...ที่เชียงราย” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยเพิ่มกระบวนการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว และเน้นการท่องเที่ยวรูปแบบการเที่ยวชมสวนเกษตรในพื้นที่จังหวัดเชียงราย อาทิ สวนผลไม้ สวนผัก สวนองุ่น ฟาร์มสัตว์ เป็นต้น

กำหนดการเดินทางท่องเที่ยวไปและกลับในวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 07.30 น. ออกเดินทางจากททท.สำนักงานเชียงราย (ตรงข้ามศาลากลางหลังเก่า) เดินทางไปชมสวนลิ้นจี่ (ชิมน้ำลิ้นจี่สดจากไร่ ลิ้นจี่อบแห้ง การประกอบอาหาร/ขนมจากลิ้นจี่ ชิมลิ้นจี่สดจากต้น ชมกระบวนการทำลิ้นจี่อบแห้ง) – เดินทางไปชมสวนองุ่นของไร่แม่จันแวลเล่ย์ อ.แม่ฟ้าหลวง (ชมกระบวนการผลิตไวน์ – ชิมไวน์) และรับประทานอาหารกลางวันที่ไร่แม่จันแวลเล่ย์ (ดอยห่มฟ้ารีสอร์ท) จากนั้นช่วงบ่ายเดินทางไปศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ อ.แม่สาย (ชมสวนผักปลอดสารพิษ – และขั้นตอนการเพาะปลูก) และเดินทางไปฟาร์มนกกระจอกเทศ อ.เมือง จ.เชียงราย (ชมกระบวนการฟักไข่ธรรมชาติ –ร่วมกิจกรรมขี่นกกระจอกเทศ – ขี่ม้ารอบฟาร์ม และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนกระจอกเทศ) และรับประทานอาหารค่ำแบบพื้นเมือง โดยจะสิ้นสุดการเดินทางท่องเที่ยวเวลาประมาณ 19.00 น.

โครงการดังกล่าว จะเปิดรับสมัครนักท่องเที่ยวผู้สนใจทั่วไปที่พร้อมเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางดังกล่าว ซึ่งจะเดินทางด้วยรถตู้ปรับอากาศ กำหนดเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 โดยรับสมัครผู้ร่วมเดินทางเพียง 30 ท่าน ขอสงวนสิทธิ์สมัครก่อนได้สิทธิ์ก่อน เพียงท่านนำสำเนาบัตรประชาชนและกรอกใบสมัครได้ที่ ททท.สำนักงานเชียงราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้


ไปรษณีย์ไทยเปิดจำหน่ายแสตมป์ที่ระลึก“9 เกจิกรุงเก่า”


บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดทำแสตมป์ ชุด 9 เกจิกรุงเก่า ภายใต้หัวข้อ “กิติคุณบารมี แผ่ไพศาล ตำนานแห่งราชธานีพระนครศรีอยุธยา” ที่รวบรวมเกจิกรุงเก่าได้ ดังนี้ 1) หลวงพ่อปาน วัดบ้างนมโค 2) หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ 3) หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม 4) หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก 5) หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราชวรวิหาร 6) หลวงปู่ดู่ วัดสะแก 7)หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย 8) หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง และ 10) หลวงปู่ทิม วัดพระขาว เพื่อเป็นการเผยแพร่คุณความดีของเกจิอาจารย์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตลอดจนเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้เป็นที่รู้จักในแง่ของเกจิกรุงเก่า และได้จัดพิมพ์แสตมป์ “9เกจิกรุงเก่า”จำนวน 5,000 แผ่น สำหรับจำหน่ายในราคาแผ่นละ 120 บาท ซึ่งได้นำเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกเสาร์ 5 ที่วัดไชโยวรวิหาร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 เรียบร้อยแล้ว

จึงขอเชิญชวนผู้สนใจที่รักและชอบสะสมแสตมป์ไว้เป็นของที่ระลึกได้ที่ สำนักงานไปรษณีย์เขต 1 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด 11/11 หมู่ 1 ถนนเดชาวุธ ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทรศัพท์ 0 3524 3043 ต่อ 106

พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

วันที่ : 13 พฤษภาคม 2553
สถานที่ : บริเวณท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร


พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธี 2 พิธีรวมกัน คือ พระราชพิธีพืชมงคลอันเป็นพิธีสงฆ์ อย่างหนึ่ง ซึ่งจะประกอบพระราชพิธีวันแรกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอันเป็นพิธีพราหมณ์ อย่างหนึ่ง ซึ่งจะประกอบพระราชพิธีในวันรุ่งขึ้น ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือเรียกสั้นๆ ว่า พิธีแรกนา เป็นพระราชพิธีที่มีมาแต่โบราณตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งในสมัยกรุงสุโขทัยนั้น พระมหากษัตริย์ไม่ได้ลงมือไถนาเอง เป็นแต่เพียงเสด็จไปเป็นองค์ประธานในพระราชพิธีเท่านั้น

ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา พระมหากษัตริย์ไม่ได้เสด็จไปเป็นองค์ประธานเหมือนกับสมัยกรุงสุโขทัย แต่จะมอบอาญาสิทธิ์ให้โดยทรงทำเหมือนอย่างออกอำนาจจากกษัตริย์ และจะทรงจำศีลเงียบ 3 วัน ซึ่งวิธีนี้ได้ใช้ตลอดมาถึงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการประกอบพระราชพิธีนี้มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 แต่ผู้ทำการแรกนาเปลี่ยนเป็นเจ้าพระยาพหลเทพคู่กันกับการยืนชิงช้า แต่พอถึงรัชกาลที่ 3 ให้ถือว่าผู้ใดยืนชิงช้าผู้นั้นเป็นผู้แรกนาด้วย ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดมีพิธีสงฆ์เพิ่มขึ้นในพระราชพิธีต่าง ๆ ทุกพิธี ดังนั้น พระราชพิธีพืชมงคลจึงได้เริ่มมีขึ้นแต่บัดนั้นมา โดยได้จัดรวมกับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และมีชื่อเรียกรวมกันว่า พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพิธีการเพื่อความเป็นสิริมงคลและบำรุงขวัญเกษตรกร กำหนดจัดขึ้นในเดือนหกของทุกปี ซึ่งระยะนี้เป็นระยะเหมาะสมที่จะเริ่มต้นการทำนาอันเป็นอาชีพหลักของประชาชนคนไทย แต่ไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนไว้เหมือนกับวันพระราชพิธีอื่น ๆ ส่วนจะเป็นวันใดในเดือนหกหรือเดือนพฤษภาคมที่มีฤกษ์ยามที่เหมาะสมต้องตามประเพณีก็ให้จัดขึ้นในวันนั้น

การจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ได้กระทำเต็มรูปบูรพประเพณีครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ.2479 แล้วก็ว่างเว้นไปจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2503คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ฟื้นฟูพระราชประเพณีนี้ขึ้นใหม่และได้กระทำติดต่อกันมาทุกปีจนถึงปัจจุบันด้วยเห็นว่าเป็นการรักษาพระราชประเพณีอันดีงาม มีผลในการบำรุงขวัญและจิตใจของคนไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์พระประมุขปัจจุบันทรงมีพระราชกระแสให้ปรับปรุงพิธีการบางอย่างให้เหมาะสมกับยุคสมัย และเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพระราชพิธีนี้ทุกปีสืบมามิได้ขาด

กิจกรรมในงาน
พระราชพิธีอันสืบทอดมาช้านาน เพื่อส่งเสริมสิริมงคลแก่พืชพรรณ ธัญญาหาร บำรุงขวัญเกษตรกร และเพื่อทำนายถึงสภาพดินฟ้า อากาศและผลผลิตที่จะงอกเงยในฤดูเก็บเกี่ยวที่กำลังจะเริ่มขึ้น


งานอยุธยามหามงคล


วันที่: ตลอดเดือน พฤษภาคม 2553
สถานที่: บริเวณถนนนเรศวร ตลาดเจ้าพรหม จนถึงอ้ายเจ้ายี่ ตำบลหอรัตนไชย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดจัดโครงการ “อยุธยามหามงคล ไหว้พระ ๙๙ วัด เที่ยว พัก กิน ซื้อของฝากปีที่ ๙” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คนไทยเข้าวัด ร่วมปฏิบัติธรรม ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงศรีอยุธยา อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อันจะกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการ “อยุธยามหามงคล ปีที่ ๙” โดยการพาครอบครัวและญาติเข้าวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต